ShoutBox



Kono Sekai ha Saiaku Ch.1

Thursday, November 10, 2011

เอามาให้อ่านแก้เซงรอตอนลงการ์ตูนวันที่ 16 นี้ครับ เป็นนิยายที่ผมแต่งเองขึ้นมาอีกแล้ว ตอนนี้แต่งมาหลายเรื่องมากแต่ยังไม่มีโอกาสได้ลง เลยกะว่าจะเน้นทำเรื่องนี้ไปเรื่อยๆเลยดีกว่า ตอนนี้ก็กำลังยื่นให้เนโกะไปพิจณาดูอยู่ว่าจะผ่านได้ลงไหม >///<  ขอความเห็นกันด้วยนะครับ ถือซะว่าอ่านแก้เบื่อรอผมลงการ์ตูนละกัน ฮะฮะ

เนื้อเรื่องย่อ:
ฮารุกาเซะ คิรุ เด็กหนุ่มอายุ16 ผู้อยู่โรงเรียนชินซึ 1 ใน 3 ท็อปโรงเรียนของเมืองเอสเตลเบิร์กผู้มี
ไอคิวสูงถึง 190 และยังเก่งเริ่องการต่อสู้อีก แต่เป้าหมายของเขานั้นไม่ได้ต้องการที่จะเป็นคนโดดเด่นอะไร
แต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเขาก็คือการที่จะได้ทำลายโลกที่เน่าเฟะนี้ที่ได้พรากพ่อและแม่ของเขาให้จากไป
ในเหตุการณ์ Lost Mind โดยที่พวกท่านไม่ได้มีความผิดอะไรเลย คิรุได้ใช้เวลาในการเตรียมแผนการอยู่
1 ปีเต็ม และในระหว่างที่เขากำลังคิดแผนต่อไปอยู่หลังจากที่กลับมาจากโรงเรียน
ก็ได้ไปเจอข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายที่กำลังสู้รบกับกองทหารเอสเตลเบิร์กอยู่
เขาจึงได้โอกาสที่จะทดลองแผนของเขาสักทีว่ามันจะสามารถโค่นล้ม
บรรลังของเอสเตลเบิร์กผู้ปกครอง 1ใน3 ของโลกได้หรือไม่!



เอาละมาเข้าเนื้อเรื่องกันเลยดีกว่า

The End1 : เริ่มต้นแผนการ 

โลกนี้มันสกปรกโสงมที่สุด เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีมาตั้งแต่แรก ทุกๆอย่างล้วนถูกมนุษย์ย่ำยี พร้อมนำพาหายนะ มาให้ทุกๆสิ่งไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองก็ตาม  ผมอยากจะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้เป็นโลกที่น่าอยู่และเป็นโลกที่ควรค่าแก่มนุษย์ที่เห็นค่าของโลกใบนี้ แต่มันคงจะเป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆของผมต่อไปเพราะผมมันไร้อำนาจ และไร้พลัง การที่จะเปลี่ยนโลกได้พลังและอำนาจเป็นสิ่งจำเป็นถ้าผมมีสิ่งนั้นละก็....  ผมจะต้องเปลี่ยนโลกได้แน่ๆ!!  ตุบ! เสียงแฟ้มเล่มใหญ่ทุบลงไปที่หัวของเด็กหนุ่มผู้ตะโกนร้องลั่นออกมาอย่างเสียงดัง

นี่ ฮารุกาเซะ นอนหลับในคาบฉันอีกแล้วงั้นหรอ?! ถึงฉันจะรู้ว่านายเป็นอัจฉริยะที่มีไอคิวถึง190 ก็เถอะ แต่ถ้าจะมาหลับในห้องของฉันหล่ะก็กลับไปหลับที่บ้านไป อาจารย์คาบประวัติศาสตร์ได้ตะโกนด่าเด็นหนุ่มนามฮารุกาเซะดังลั่นพร้อมเสียงหัวเราะของเพื่อนทั้งห้องราวอย่างกับจะประนามเขาให้จมติดกองผืนดินไป

ข...ขอโทษด้วยครับอาจาย์

เอาหล่ะ มาเข้าบทเรียนกันต่อ

เมื่อผมนั่งลงหลังจากที่ละเมอออกมาอย่างเสียงดังในตอนที่ฝันไป

ก็ได้มีเสียงกระซิบมาจากข้างหลัง

นี่ คิรุ นอนไม่พองั้นหรอ??

เสียงใสๆของเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลยาวสลวยกว่าบ่านิดหน่อยพร้อมกับดวงตาสีฟ้าที่สามารถทำให้คุณตกหลุมรักเธอได้ทันที กระซิบมาจากข้างหลังผม

ก็นิดหน่อยหล่ะนะ เอริ, พอดีเมื่อวานฉันมีธุระนิดหน่อยหน่ะ

ผมหันหน้าไปบอกเธอ ส่วนเธอก็ได้พยักหน้ารับเบาๆอย่างเป็นกันเอง

กริ๊งก่อง สามมมม โมงงงง เย็นนนนน~

เสียงกริ่งหมดเวลาเรียนพร้อมเวลา 3 โมงเย็นเป็นสัญญานกลับบ้านของนักเรียนแห่งนี้ที่มีนามว่า ชินซึ ซึ่งเป็น โรงเรียนติดอันดับหนึ่งในสามท็อปของประเทศเอสเตลเบิร์กที่ว่าถ้าไม่หัวกระทิจริงๆก็คงจะเข้าไม่ได้

เมื่อสัญญานกริ่งได้ดังขึ้นผมก็เตรียมที่จะตรงดิ่งกลับอพาทเม้นทันทีแต่ทันใดนั้นได้บุคคลอันตรายเข้ามาขวางทางผมไว้ซะก่อน

จะรีบไปไหนหรอ คิรุคูง~?

เสียงสูงๆปนน่ารักผมสีชมพูอ่อนยาวจนถึงกลางหลังและมีตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนช็อคโกแลตตัวเล็กราว168 เซน พร้อมด้วยหุ่นอย่างกับนางแบบระดับโลกของเด็กสาวผู้มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ปี2 ของเขาเข้ามาขวางที่หน้าประตู

พร้อมผู้ชายทั่วทั้งห้องที่กำลังมองผมเป็นตามันวาวจนแทบจะไหลกลิ้งเกลื่อนห้องอยู่แล้วก็ดูคุณเธอสิสวยระดับนางฟ้า แถมยังทรวดทรงองเอวนั่นอีกแค่เห็นก็... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ>///<)

ก..ก็กลับบ้านไงฮะรุ่นพี่ฮินะ

นี่... ก็บอกแล้วไงเวลาที่เรียกเขาต้องเรียกฮินะสิ!”

เอ่อ... คงจะไม่เหมาะมั้งครับ

ทันใดนั้นเองรุ่นพี่ก็กระโดดเข้ามาที่ตัวผมเหมือนอย่างกับผีผลักพร้อมทั้งเอามือรวบคอผมเอาไว้ซึ่งเป็นท่าทางที่ทำให้ผู้ชายทั้งห้องพูดเป็นเสียงเดียวว่า ไอ้คิรุ~! ทำไมเอ็งได้ของดีคนเดียวเลยฟร่ะ!”

เอ่อ...รุ่นพี่ครับ นี่มันในห้องเรียนนะครับ...

งั้นก็หมายความว่าถ้าไม่ใช่ห้องเรียนก็ได้ใช่ไหมจ๊ะ? งั้นไปที่ห้องคิรุกันเถอะ

ทันใดนั้นเองสายตาของนักเรียนชายในห้องของผมก็เริ่มลุกเป็นเปลวไฟโชกโชนราวกับจะผลาญได้ทุกสิ่ง ค่อยๆจี้ตามหลังผมมา

ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ~.....

ถ้างั้นจะเรียกไม่เรียกเอ่ย??

เธอถามซ้ำพร้อมโอบคอผมแน่นขึ้นจนรู้สึกได้ว่า นี่สินะเบาะนิรภัย!

ฮิ...ฮินะ

และในที่สุดเปลวไฟที่ค่อยจี้หลังผมมาเรื่อยๆก็ค่อยลดไฟลงเนื่องจากรุ่นพี่ฮินะเริ่มที่จะปล่อยมืออกแล้ว

เย้ๆ เมื่อกี๊บอกจะกลับบ้านฉันไหมจ๊ะ?  งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ

ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะที่จะต้องให้คนไปส่งถึงบ้านหน่ะ

แหมๆ มีคนจองคิวรอกลับบ้านพร้อมพี่ยาวติดจนเกินสะพานเลยนา

งั้นก็กลับกับพวกเขาสิคร๊าบบ~”

ก็เราอยากกลับกับคิรุมากกว่านี่

เฮ้อ... จนปันญากับคนๆนี้จริงๆ คำถามที่ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเธอถึงติดผมแจขนาดนี้หน่ะหรอ? คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือ เมื่อตอนที่ผมเริ่มเข้าปธมนิเทศของปี1 ของต้นปี ระหว่างทางที่กำลังไปโรงเรียนก็ได้เจอวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีกับรุ่นพี่ฮินะอยู่ผมเห็นพวกนั้นกำลังจะพาตัวเธอเข้าไปในซอก ,ทันใดนั้นเองสารๆหนึ่งที่หลั่งความยุติธรรมของผมก็ออกมาได้สั่งสมองของผมว่า เอ็งไปช่วยเขาซะ

ทันใดนั้นเองร่างกายผมก็ขยับไปเอง (เอ้ยไปกันใหญ่ละ) ผมเห็นว่ามันจะไปกันใหญ่แล้วจึงรีบวิ่งไปช่วยเธอทันที

เฮ้ย! พวกเอ็งหน่ะจะทำอะไรหน่ะห๊ะ?!”

เอ็งไม่ต้องมาสอสระเอือใส่เกือกเลย!”

แต่แล้วก็มีเสียงๆนึงดังผ่านมาจากข้างหลังของวัยรุ่นกลุ่มนั้น

ช-ช่วยฉันด้วยนะ

เมื่อผมเห็นสภาพเธอก็ต้องถอนหายใจเพราะโล่งอกเพราะว่าเธอยังปลอดภัยอยู่100% ถ้างั้นก็ได้เวลาจัดการขั้นเด็ดขาดซะแล้วหล่ะนะ

ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาวัยรุ่นกลุ่มนั้นพร้อมกับทีบหัวแก๊งที่ตัวใหญ่ล่ำบึกของพวกมันจนติดกำแพงทันใดนั้นเองดงกำปั้นของพวกมันก็พุ่งมาด้วยความเร็วต้านลม 20 น็อทต่อไมล์มาที่หน้าของผม แต่ขอประทานโทษเรื่องชกต่อยหน่ะผมไม่เป็นรองใครหรอกนะเพราะถึงผมจะมีไอคิวถึง190 แต่ก็รู้จักวิชาการป้องกันตัวที่เคยฝึกเองอยู่เหมือนกัน เมื่อหมัดของลูกน้องมันคนนึงพุ่งเข้ามาหาผม ผมหลบได้อย่างสบายๆพร้อมกับสวนหมัดเคาเตอร์ไปจนหน้าของลูกน้องมันคนนึงต้องถึงกับฟันหน้าหลุดไป ส่วนตัวของมันนั้นตามไปไปติดกับลูกพี่ใหญ่มันแล้ว แต่แล้วก็เกิดเหตุการไม่คาดฝันที่พวกมันคนนึงชักมีดออกมาแล้วจ่อคอไปที่รุ่นพี่ฮินะ

อย่าเข้ามานะเว้ย! ถ้าเขามาฉันแทงคอยัยนี่แน่

ผมซึ่งได้มองรุ่นพี่ที่กำลังตัวสั่นเทาอยู่นั่นเองก็ได้คิดขึ้นมาว่าเฮ้อ... คงต้องยอมเจ็บตัวหน่อยหล่ะนะ แต่ต้องมาเจ็บตัวตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนก็นะ...

จะว่าไปผมก็คิดไว้หลายครั้งแล้วเหมือนกันว่าไอ้ ไอคิว190ของผมที่มีติดตัวมาตลอดเนี่ยมันจะเอาไปใช้อะไรได้บ้าง? แต่แล้วคำตอบนั้นก็ออกมาภายในแค่ 0.125 วิทันที นั่นก็คือ ถึงเวลาที่จะใช้จิตวิทยาที่เราเรียนมาหล่ะนะ ผมค่อยๆย่างเดินเข้าไปใกล้พวกมันทั้งหมด3 คนทีละเก้า จากคำกล่าวของ วัตสันผู้เป็น บิดาแห่งพฤติกรรมของมนุษย์ได้กล่าวไว้ว่าเมื่อสิ่งที่มนุษย์กลัวย่างใกล้เข้ามาจะเริ่มทำให้รอบๆข้างของคนๆนั้นค่อยๆดำมือไปเรื่อยๆจนทำให้ไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ และมันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องเพราะตอนนี้ผมได้เข้ามาอยู่ใกล้พวกมันในระยะเผาขนแล้วแต่ทันใดนั้นเองคนที่ถือมีดก็เริ่มรู้สึกตัวจนตกใจอย่างมาก แล้วพยายามที่จะง้างมีดเพื่อทิ่มคอของรุ่นพี่ฮินะ ฉึก ! เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลย้อยลงมาเหมือนสิ่งน้ำก๊อกหยด ติ๋งๆ...  ภาพที่ปรากฏให้รุ่นพี่ฮินะเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือมีดที่พุ่งทะลุผ่านมือของชายหนุ่มผู้ที่เข้ามาช่วยเธอโดยการเอามืดขวางเอาไว้นาม คิรุ

มันเจ็บนะเว้ย!”

ผมตะโกนร้องลั่นออกมาพร้อมทั้งเตะจระเข้ฟาดหางซัดวัยรุ่น 3 คนนั้นในลูกเตะเดียวจนนอนกองคากับพื้น

เฮ้อ... เจ็บตัวตั้งแต่วันแรกเลยนะเนี่ย

แต่แล้วก็ได้มีคนกระโดดโผโกดเข้ามาที่ร่างของผมอย่างเต็มรัก

ปัก! หัวของผมได้ทิ่มลงไปกับพื้นอย่างเต็มเหนี่ยวจากแรงตัวทั้งหมดทั้งมวลของรุ่นพี่อย่างเต็มแรง

โอ๊ย... มันเจ็บนะครับจะทำอะไรเนี่ย

ฮือๆ... ขอโทษด้วยนะเพราะฉันแท้ๆถึงทำให้เธอต้องมาบาดเจ็บแบบนี้

ผมได้ถอนหายใจเบาๆ พร้อมค่อยๆพยุงร่างของเธอขึ้นมา (แต่ตามจริงเธอควรจะพยุงผมมากกว่าไม่ใช่หรอ??? แต่ก็ช่างเถอะ)

ถ้างั้นรีบเข้าไปโรงเรียนได้แล้วนะครับ เดี๋ยวพวกนี้มันตื่นขึ้นมาเด๋วจะยุ่งเอาการ

เดี๋ยวสิ! เธอมีแผลที่มือตั้งใหญ่ขนาดนั้นรีบไปห้องพยาบาลไปทำแผลก่อนดีกว่าไม่งั้นจะเป็นหนักกว่าเดิมหรอกนะ

ไม่เป็นไรหรอกครับแผลแค่น...

แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคร่างกายของผมก็ต้องถูกแรงร่างมหาศาลที่ไม่รู้เก็บซ่อนจากส่วนไหนของเธอลากไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงห้องพยายาลในไม่กี่อึดใจ เธอรีบกดตัวผมนอนลงกับเตียงห้องพยาบาลพร้อมกับใส่ยาฆ่าเชื้อพร้อมผ้าพันแผลอย่างเสร็จสัพ เนื่องจากครูห้องพยาบาลยังอยุ่ในหอประชุมเพราะเป็นวันปถมนิเทศอยู่

ฟู่ว์... เอาละเรียบร้อย

เธอพูดกับผมพร้อมยิ้มอย่างโล่งอก

เอ่อ... แค่โดนนิดหน่อยเองครับไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะครับ แค่พลาสเตอร์นิดๆหน่อยๆแปปเดียวก็หายแล้ว

จะไปหายได้ยังไงหล่ะ เมื่อกี๊เราเห็นมีดทะลุมือของเธอไปเลยนะ!”

แต่ยังไงก็ขอบคุณนะ ที่ไปช่วย... เราชื่อ ชาโรวเนส ฮินะ อยู่ปี 2 นะ

เธอพูดออกมาอย่างเขินอายจนผมต้องอายตามเธอไปด้วยเลย

ผ...ผม ฮารุกาเซะ คิรุ อยู่ปี1 ครับ

เห... รุ่นน้องหรอเนี่ย??

เธอตอบกลับมาด้วยหน้าตายิ้มแย้มผสมกับความน่ารักและรูปร่างนั่นเข้าไปจนทำให้ผมเริ่มหน้าแดงขึ้นมาเรื่อยๆ

เอ๊ะ! เป็นอะไรไปหรอ หน้าแดงเชียว? หรือว่าจะมีเชื้อแบคทีเรียติดไปตอนที่ถูกแทงด้วยหน่ะ?! ต้องรีบทายาฆ่าเชื้อเพิ่มแล้วสิ!”

ดะ-เดี๋ยวครับๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่อากาศมันร้อนหน่ะ ถ้ายังไงเราลงไปร่วมพิธีปถมนิเทศกันที่กว่านะครับรุ่นพี่ฮินะ

เอ๋... อย่าเรียกรุ่นพี่เลย เรียกฮินะเถอะนะๆ เธออุส่าห์ช่วยเราไว้แท้ๆ

เอ่อ...จะดีหรอครับ?

แน่นอนสิ! คิรุเป็นคนเดียวในโรงเรียนนี้เลยนาที่จะเรียกชื่อตันของเราได้หน่ะ

เธอตอบผมด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มจนทำให้ผมเคลิ้มไปชั่วขณะเลยทีเดียว

ครับ.. ฮิ...ฮินะ

เยี่ยมมากจ๊ะ! , งั้นไปกันเถอะ



และหลังจากนั้นเธอก็จะมาหาผมตอนเช้า พักกลางวันและตอนกลับบ้านบ่อยๆจนทำให้ผู้ชายทั้งโรงเรียนอดอิฉาผมจนตาร้อนไม่ได้ นี่เราควรจะดีใจดีไหมเนี่ยT^T นั่นแหละครับเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้พบกันโดยบังเอิญ?

ก็ได้คร๊าบๆ กลับด้วยกันก็ได้ๆ

เย้ๆ งั้นไปกันเลย~”

จากนั้นสิ่งที่ทำให้ผมอาจจะโดนเปลวไฟแห่งความอิจฉาจี้หลังผมอีกรอบก็เกิดขึ้นเนื่องมาจาก คุณเธอยืนมามาหาผมเป็นเชิงว่า จับมือกันนะ แล้วทำตาเป็นกระกาย วิ๊บๆ

เอ่อ...

ถ้าไม่จับ คราวนี้เราจะจูบเลยนะ

สิ้นประโยคนี้ผู้ชายในห้องรวมถึงระเบียงทางเดินต่างมองผมเป็นสายตาเดียวกันว่า ถ้าเอ็งจูบละก็ตรูจะจองล้างจองผลาญเอ็งยันรุ่นหลานเลยทีเดียว

จ..จับครับ จับเดี๋ยวนี้แหละ

จนแล้วจนรอดสุดท้ายก็ได้ออกจากโรงเรียนมาแบบอึดอัดสุดๆ เนื่องจากดาวเด่นของโรงเรียนกำลังจับมือกับผมชายหนุ่มผู้มีไอคิว 190 ผมยาวหน่อยๆออกสีเทา สูง185พร้อมทั้งใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมและมีหัวชี้โด่เด่เป็นเอกลักษณ์ (ตามจริงก็ไม่ได้อาบน้ำมานั่นแหละและไม่เคยคิดจะจัดการแต่งตัวเลย) แต่ในที่สุดก็มาถึงสถานณีรถไฟจนได้

แล้วนี่รุ่... เอ้ย ฮินะจะกลับเลยหรือเปล่า หรือว่าจะแวะที่ไหนก่อน? เพราะถ้าจะกลับยังไงก็ต้องไปทางเดียวกันอยู่แล้ว

เอ.. จะเอาไงดีน้า... ถ้างั้นไปห้องคิรุกันดีกว่า!”

เอ๋??!! ห้องผมงั้นหรอ?! อย่าไปเลยครับ ห้องผมไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก

ฮันแหนะ! ทำตัวมีพิเรน หรือว่าจะซ่อนผู้หญิงไว้รึเปล่าจ๊ะ?

จะไปมีได้ยังไงละคร๊าบ = =”

ฮิฮิ งั้นขอรบกวนช่วยพาไปส่งบ้านเราหน่อยน้า

คร๊าบบ

แกร๊กๆ... กึก... เอี๊ยด... ปัง!

เสียงไขประตู บิดลูกกลอนพร้อมเปิดและปิดของห้องผม ซึ่งพึ่งจะกลับมาหลังจากส่งฮินะไปโดยที่เป็นอะไรที่เหนื่อยมากมายกว่าจะหอบสังขารตัวเองมาได้

ถ้างั้นก็เอาหล่ะ... ได้เวลาเริ่มคิดแผนต่อแล้ว...

ผมได้เริ่มคิดแผนการต่อไปในห้องที่เต็มไปด้วยแผ่นกระดาษที่เต็มก่องไปกับพื้นแถมยังมีสายระโยงระยางพร้อมกับติดแผ่นกระดาษไม่ถ้วนเอาไว้กระดาษเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมใช้เวลา 1 ปีเต็มๆมานี้คิดมันขึ้นมาเพื่อที่จะใช้ในการเปลี่ยนโลกไปเป็นโลกในอุดมคติของผม และวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิมต่อไปเหมือนทุกๆวัน ที่ผมกลับมานั่งคิดแผนการณ์ต่อหลังจากที่กลับมาจากโรงเรียนในระหว่างที่ผมเสิร์จหาข้อมูลเพื่อมาใช้ในแผนการไปเรื่อยๆก็เกิดไปเจอรายงานข่าวน่าสนใจเข้า กลุ่มผู้ก่อการร้ายกำลังทำการสู้รบกับทหารเอสเตลเบิร์กในย่าน แลสสแตรคอยู่ในตอนนี้ส่วนเป้าหมายนั้นทางเรายังไม่ทราบแน่ชัดค่ะ ขอความกรุณาผู้คนในย่านนั้นห้ามออกมาจากบ้านเด็ดขาดเลยนะคะ

แลสสแตรคงั้นหรอ... ก็อยู่ใกล้แค่นี้เองนี่นา

ถ้ายังไงเราลองไปดูหน่อยจะดีกว่าจะได้ถือเป็นการเก็บขอมูลการรบไปในตัวเลย

เสื้อแจ็กเกทกันกระสุนสีดำพร้อมหมวกคุม พร้อมด้วยกางเกงยืนสีน้ำเงินเข้มกับรองเท้าผ้าใบ แค่นี้ก็คงพอจะเอาอยู่หล่ะนะ  อ๊ะ.. ลืมของที่สำคัญที่สุดไปเลยนี่นา

เมื่อผมนึกขึ้นได้จึงได้เดินไปเปิดลิ้นชักออกมาแล้วหยิบของที่นักเรียนไม่น่าจะมีออกมา มันคือปืนพกสีเงินวาวที่ออกแบบลวดลายมาอย่างดี ซึ่งเป็นเหมือนปืนของชนชั้นสูง อยากรู้ละสิว่าผมมีมันได้ยังไง มันคือของที่ดูต่างหน้าพ่อและแม่ผม มันเป็นสิ่งที่พวกท่านทั้งสองคนทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะถูกเจ้าพวกทหารเฮงซวยเอสเตนเบิร์กจับตัวไปฆ่าเป็นแพะรับบาปทั้งๆที่พวกท่านยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิดเดียวจากเหตการณ์  “Lost Mind”

เอาละ ถึงเวลาที่จะได้ลองแผนการที่อุส่าห์รวบรวมมา 1 ปีเต็มแล้ว

2 ความคิดเห็น:

Anonymous said...

อ่านแล้วรู้สึกคล้ายๆ Code Greass

VirusEddy said...

ตามนั้น แต่ขอบอกว่าแก้อื้อมาก - - ถ้าจะลงแมวดำนะ

Post a Comment